วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คำคม


Am I not destroying my enemieswhen I make friends of them ?
ผมไม่ได้ทำลายศัตรูของผมไปดอกหรือเมื่อผมทำให้พวกเขากลายเป็นมิตรของผม
Never fear shadow.They simply meanthere's a light shiningsome where near by.
อย่ากลัวเงา เพราะเงาหมายความว่ามีแสงสว่างส่องอยู่ใกล้ ๆ สักแห่ง
Often the way to winis to forgot to keep score.
บ่อยครั้งวิธีที่ดีที่สุด ที่จะชนะคือการลืมที่จะนับแต้ม
Quality is remembered longafter price is forgotten.
คุณภาพยังคงเป็นที่จดจำกันได้นานหลังจากที่ลืมราคากันไปแล้ว
We ourselves fell that what we aredoing is just a drop in the ocean.But the ocean would be lessbe cause of that missing drop.
ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นเหมือนกับเพียงน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทรแต่มหาสมุทร คงจะมีน้ำน้อยลงถ้าขาดหยดนั้นไป…
In god we tust…Every else pay cash
เราเชื่อในพระเจ้า…คนอื่น ๆ ขอให้จ่ายเงินสด
จุดที่ต่ำสุดของชีวิตที่ทุกคนมีโอกาสประสบเป็นได้ทั้งจุดจบและบทเรียนที่ดี
No man is fit to command anotherwho can't command himself.
คนที่ไม่สามารถบัญชาตัวเองได้ย่อมไม่เหมาะสมที่จะบังคับบัญชาคนอื่น
คนเราบางครั้งต้องก้าวถอยหลังก่อนเพื่อที่จะกระโดดให้ได้ไกลขึ้น
War would endif the dead could return.
สงครามคงจะหมดไปหากคนตายฟื้นขึ้นมาได้
มีที่เดียวที่คำว่า"Success"มาก่อน"Work"คือในปทานุกรมเท่านั้น
ประโยคที่ว่าผมไม่ได้โอ้อวดนะมักจะตามด้วยการโอ้อวดเสมอ
เราเห็นว่า ยุติธรรมก็ต่อเมื่อเราได้รับการตัดสินให้เป็นฝ่ายถูก
จงใส่คำชมไว้ทั้งก่อนและหลังคำติเตียน
เพราะสังคม..ประเมินค่า..ที่จนรวยคนจึงสร้าง..เปลือกสวย..ไว้สวมใส่หากสังคม..วัดค่า..ที่ภายในคนจะสร้าง..แต่จิตใจ..ที่ใฝ่ดี
It's much easier to givenessthen to ask for permission.
การให้อภัยง่ายกว่าการขออนุญาตมากมาย
เมื่อเรามีเงิน เราจะตำหนิใครผู้นั้นก็จะยินดีรับฟัง และปฏิบัติตามแต่เมื่อเราไม่มีเงิน แม้เราจะชมใครเขาก็อาจคิดว่า เป็นการยกยอเพื่อที่จะให้ได้เงินมาเท่านั้น
ในการทำให้ได้รับความเชื่อถือคุณต้องรู้จักให้เกียรติ และให้ความเคารพอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อนเขาจึงจะเกิดความเชื่อถือในตัวคุณ
Many have quarrelled over religionthat never practiced it.
คนเป็นอันมากทะเลาะกันเรื่องศาสนาที่ตนไม่เคยยึดถือปฎิบัติ

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เงินสิบบาท


ถ้าเรามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร? ครูคนหนึ่งตั้งคำถามกับเด็กว่า 'ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร' เด็กส่วนใหญ่ตอบว่า '7 บาท' แต่มีเด็ก 2คนที่ตอบไม่เหมือนกับคนอื่น คนหนึ่งตอบว่า '2 บาท' อีกคนหนึ่งตอบว่า 'ไม่ต้องทอน' ครูถามเด็กคนแรกว่าทำไมถึงได้เงินทอน 2 บาท คำตอบที่ได้ก็คือภาพในใจของเขาสำหรับเงิน 10 บาท คือ เหรียญห้า 2 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ให้เหรียญห้า 1 เหรียญ ดังนั้น จึงได้เงินทอน 2 บาท ถามเด็กคนที่สองว่าทำไมไม่เหลือเงินทอนเลย คำตอบก็คือเด็กคนนี้คิดว่าในกระเป๋ามีเหรียญบาท 10 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ส่งเหรียญบาทให้ 3 เหรียญ เพราะฉะนั้น คนขายจึงไม่ต้องทอนเงินให้เขา โชคดีที่เป็นการถาม-ตอบในห้องเรียน ลองนึกดูสิครับว่าถ้าโจทย์นี้เป็นข้อสอบที่มีคำตอบเป็น ก-ข-ค-ง เด็ก 2 คนนี้ก็คงไม่ได้คะแนนจากคำตอบที่ผิดเพี้ยนจากคนส่วนใหญ่ การสร้างโจทย์ที่ 'เสมือนจริง' จินตนาการของ 'ครู' อาจถูกจำกัดเพียงแค่ 'ตัวเลข' แต่สำหรับเด็ก จินตนาการของเขาไร้กรอบ 10 บาท จึงสามารถเปลี่ยนเป็นเหรียญสิบ เหรียญห้า หรือเหรียญบาท เมืองไทยมีเหรียญ 2 บาท เราจึงได้คำตอบเพิ่มอีก 1 คำตอบ คือ ได้เงินทอน 1 บาท โลกในห้องเรียนกับโลกของความเป็นจริงนั้นแตกต่างกัน โลกในห้องเรียน ทุกคำถามส่วนใหญ่มีเพียง 1 คำตอบ แต่โลกของความเป็นจริง ทุกคำถามอาจมีคำตอบที่ถูกต้องได้เกิน 1 คำตอบ 'อย่ารีบตัดสินความผิดถูกของคนๆ นั้น เพียงแค่ คำตอบ ของเรา' อย่าหยุดความคิดสร้างสรรของคนๆ นั้น ด้วยกรอบความคิดของเรา

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

มิตรภาพ ดินสอและยางลบ เกี่ยวอะไรกัน


มีดินสอที่เขียนเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง แล้วก็มียางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง ฟังดูแล้วอาจจะตลก ทุกคนอาจคิดว่าดินสอกับยางลบเป็นของคู่กัน แต่ลองอ่านดูก่อนนะครับว่าเป็นอย่างไร ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น ไปไหนพวกเขาก็ไปด้วยกัน ทำอะไรก็ทำด้วยกัน หน้าที่ของดินสอคือ "เขียน" มันจึงเขียนทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ ส่วนหน้าที่ของยางลบก็คือ "ลบ" มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่...ทุกเวลา เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือเดิมเรื่อยมา จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า "เรากับนายอ่ะคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วหล่ะ" ยางลบจึงถามกลับไปว่า "ทำไมหล่ะ" ดินสอจึงตอบกลับไปว่า "ก็เราเขียน นายก็ลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย" ยางลบจึงเถียงว่า "เราทำตามหน้าที่ของเรา เราไม่ผิด" แล้วทั้งคู่จึงแยกทางกัน ดินสอดีใจที่ได้แยกทางกับยางลบ เพราะมันสามารถเขียนอะไรก็ได้ตามใจมัน แต่พอเวลาผ่านไปมันก็เริ่มเขียนผิด ข้อความที่สวยๆ ที่มันเคยเขียนก็ได้แต่สกปรกมีแต่รอยขีกทิ้งเต็มไปหมด มันจึงคิดถึงยางลบจับใจ ฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจ ที่ตังเองไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะมันไม่มีอะไรให้ลบ มันคิดถึงดินสอจับใจ แล้วทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลง เขียนแต่สิ่งดีๆ ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิดเท่านั้น ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำ ในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดีๆ เท่านั้น ส่วนการลบก็เปรียบเหมือนการลืม ตอนแรกก็จะลืมทั้งหมดทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่พอนานไปมันก็จะลืมแต่สิ่งที่ไม่ดีนั่นเอง ฉะนั้นการเปรียบเทียบการเดินทางของทั้งคู่ดุจมิตรภาพ คือ การจำสิ่งที่ดีๆ และลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง...

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

สร้างความสุขให้ชีวิตได้อย่างไม่รู้จบ


สร้างความสุขให้ชีวิตได้อย่างไม่รู้จบ ด้วยเคล็ดลับหลากหลายที่ ง่าย ต่อการปฏิบัติ ( ครั้งที่ 3 ) กรุณาช่วยแสดงความคิดด้วย เพื่อทราบว่ายังสนใจกันอยู่ จะได้นำเสนอต่อ..ขอบคุณครับ..
1.ขอให้พยายามทำความรู้จักตัวเองให้ดีที่สุด เพราะเมื่อคนเรารู้จักตัวเองดี เราก็จะรู้ว่าสิ่งใดเหมาะกับเรา จุดใดที่เราควรยืนอยู่ คนที่ไม่รู้จักตัวเองย่อมจะตกเป็นเหยื่อของคนอื่นได้ง่าย และมักเป็นคนที่ไร้วิจารณญาณในการเลือกสิ่งต่างๆ สำหรับตัวเอง
2.เมื่อคุณตั้งใจจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเกิดประสบความล้มเหลวขึ้นมา ก็จงอย่าเสียใจ เพราะคนที่ทำแล้วพลาดนั้นย่อมดีเลิศกว่าคนที่มัวแต่คิดลังเลสับสน จนไม่กล้าลงมือทำสิ่งใดเลย
3.อย่าหลงใหลงมงายในโชคหรือลาภลอยที่ยากจะเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างเช่นล๊อตเตอรี มีคนร่ำรวยกับมันเพียงร้อยคนพันคน แต่อีกกี่แสนกี่ล้านคนที่ไม่เคยได้เงินจากมัน
4.พูดคุยแต่เรื่องที่สวยงามและเป็นมงคล ฝึกพูดถึงแต่สิ่งดีๆ ให้เป็นนิสัย จิตใจของคุณจะแช่มชื่นและไม่เครียด อย่าพูดถึงแต่สิ่งเลวร้ายกับคนในบ้านและคนรอบข้าง ยกตัวอย่างเช่น จงพูดว่า "อย่าขับรถเร็วนะ พี่ยังไม่อยากมีน้องชายเป็นนักแข่งรถ" แทนที่จะพูดว่า "อย่าขับเร็วนักล่ะ ฉันยังไม่อยากไปงานศพน้องชายตัวเอง"
5.ควรเอาอกเอาใจคูชีวิตของคุณ ถ้าเขาหรือเธอปรารถนาในสิ่งใดก็ควรตามใจบ้าง แต่อย่าตามใจลูกหลานของตน เพราะลูกหลานมีโอกาสที่จะเคยตัวและเสียนิสัยกับการตามใจเสมอๆ แต่คู่สมรสมีแต่จะซาบซึ้งและเป็นสุขใจพร้อมทั้งสำนึกขอบคุณในการเอาอกเอาใจนั้น
6.ฝึกให้ตัวเองเป็นคนจดจำวันเกิดของญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทให้ได้ การจดไว้ในสมุดบันทึกส่วนตัวอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด หากปีใดไม่มีโอกาสส่งของขวัญหรือการ์ดอวยพรให้ ก็ควรโทรศัพท์ไปอวยพรเขาสักนิด
7.รู้จักดูแลสุขภาพของตัวเองด้วย การจะอยู่แบบมีชีวิตที่พอเพียงมิได้หมายถึงต้องอยู่อย่างเดิมโดยไม่พยายามที่จะปรับเปลี่ยนใดๆ เลย ถ้าคุณอ้วนจงลดน้ำหนัก และถ้าผอมเกินไป ควรเพิ่มน้ำหนักให้เหมาะสมกับส่วนสูง
8.รับประทานอาหารให้พออิ่มเท่านั้นในแต่ละมื้อ อย่าติดนิสัยรับประทานจนพุงกางเสมอทุกมื้อ ถ้าคุณต้องการมีรูปร่างและสุขภาพที่ดี สิ่งที่คุณควรทานมากๆ ในทุกวันก็คือ น้ำสะอาดและผลไม้เท่านั้น
9.อย่าเข้มงวดกับคนรอบข้างจนเกินไป ไม่ว่าเขาจะเป็นคู่สมรสของคุณ เป็นลูก เป็นน้อง เป็นเพื่อน หรือเป็นลูกน้องของคุณ จงคิดเถิดว่ากฎทุกข้อย่อมมีข้อยกเว้น
10.ถ้าคุณมีเงินไม่มากนักในช่วงที่เพื่อนมีโอกาสพิเศษ ควรให้ของขวัญเพื่อนเป็นหนังสือ และเขียนถ้อยคำสั้นๆ ดีๆ ไว้ที่ด้านในของปกหนังสือ เพราะหนังสือนั้นมีราคาไม่แพงและมีคุณค่ามากนัก (แม้เพื่อนคนนั้นจะไม่ใช่หนอนหนังสือก็ตาม) (คัดมาจาก..หนังสือข้อคิดเพื่อชีวิตที่พอเพียง มีประมาณ 250 ข้อ)

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

ฮาตรึม

พระเจ้าได้เรียก บิล คลินตัน , บอริส เยลต์ซิน และ บิล เกตต์ มาประชุมกัน
เมื่อทั้งสามมาครบแล้ว พระเจ้าก็พูดว่า "ฉันมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายจะบอกพวกเธอ ข่าวร้ายคือฉันปวดหัวมากกับความเป็นไปของโลกดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะทำลายมัน ส่วนข่าวดีคือฉันอนุญาตให้พวกเธอประกาศเตือนคนอื่นๆก่อนได้ 1 อาทิตย์"
ดังนั้น บิล คลินตัน จึงโทรเข้าไปในสภาคอนเกรส แล้วประกาศว่า"ผมมีข่าวดีและข่าวร้าย ข่าวดีคือพระเจ้ามีจริง แต่ข่าวร้ายคือเขากำลังจะทำลายโลกภายใน 1 สัปดาห์"
บอริส โทรศัพท์เข้าไปในพรรคคอมมิวนิสต์ แล้วประกาศว่า "ฉันมีข่าวร้ายและข่าวที่ร้ายกว่า ข่าวร้ายคือพระเจ้ามีจริง และข่าวร้ายกว่าคือเขาจะทำลายโลกภายใน 1 สัปดาห์"
ในขณะเดียวกัน บิล เกตต์ ก็เรียกโปรแกรมเมอร์ ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาด และผู้บริหารทั้งหลายมารวมกัน แล้วประกาศว่า "ผมมีข่าวดีและข่าวที่ดีกว่า ข่าวดีคือพระเจ้าเห็นว่าผมเป็นคนสำคัญ 1 ใน 3 ของโลก ส่วนข่าวที่ดีกว่านั้นคือพวกเราไม่จำเป็นต้องแก้ Bug ของ Windows อีกต่อไปแล้ว"

คำพูดชวนให้คิด


" จงอย่าเชื่อทันทีในสิ่งที่คุณอ่าน แต่ขอให้ใช้ปัญญาพิจารณาก่อน แล้วจึงค่อยเชื่อในสิ่งที่คุณคิด. "
" คนโง่จะเก็บเอาถ้อยคำ แต่คนฉลาดจะเก็บเอาความหมาย. "

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2551

ผู้นำแห่งความคิด


....ความคิดของมนุษย์ย่อมมีแตกต่างกันเป็นธรรมดา แล้วทำไมไม่จับกลุ่มก้อนของความคิดแต่ละคนมาประสานร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งหนึ่งให้เกิดขึ้น....